ลาวจีเอพี – อีกก้าวของการพัฒนามาตรฐานสำหรับสินค้าเกษตร ใน สปป. ลาว
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้เปิดตัวมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีแห่งชาติ หรือ ลาวจีเอพี (Lao GAP) สำหรับผักสดและผลไม้ ซึ่งสอดรับกับมาตรฐานอาเซียน (ASEAN GAP) เพื่อส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้แก่เกษตรกรและ ผู้ประกอบการรายย่อย ใน สปป. ลาว โดย “โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีใน สปป. ลาว” ภายใต้ความร่วมมือไตรภาคีลาว-ไทย-เยอรมัน ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนจัดตั้งมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีหรือ ลาวจีเอพี (Lao GAP) เป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2557 ซึ่งมีกรมปลูกฝัง กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ แห่ง สปป. ลาว เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ โดยได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากกรมวิชาการเกษตร และสำนักมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ประเทศไทย และสนับสนุนการบริหารและดำเนินโครงการโดย สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) กระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย และ GIZสภาพปัญหาด้านการค้าผลผลิตผักสดและผลไม้ใน สปป. ลาวเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศสมาชิกอาเซียนต่างก็เร่งเตรียมความพร้อมในทุกมิติเพื่อจะเข้าเป็นสมาชิกตลาดร่วมอาเซียน (ASEANCommon Market) ในปี พ.ศ. 2558 สำหรับ สปป. ลาว ก็ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าเกษตรที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ การที่ยังไม่มีมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ซึ่งสอดรับกับ ASEAN GAP ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จะใช้ในการซื้อขายผักและผลไม้สดในภูมิภาค ในปี พ.ศ. 2558 นี้ ส่งผลให้ศักยภาพและโอกาสในการแข่งขันของเกษตรกรลาว และผู้ประกอบการรายย่อยลดลง และไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและนอกประเทศได้ดังนั้น มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) แห่งชาติ ของ สปป. ลาว ที่มีความสอดคล้องกับมาตรฐาน ASEAN GAP และเกษตรกรลาวสามารถเข้าถึงได้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับผลผลิตผักสดและผลไม้ให้ได้มาตรฐาน และเปิดโอกาสการเข้าสู่ตลาดผักผลไม้มาตรฐาน GAP ทั้งในประเทศ และระดับภูมิภาค อีกทั้งยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพของเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ให้สามารถพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการเพาะปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตที่สอดคล้องกับมาตรฐานที่วางไว้ รวมทั้งเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิตอีกด้วย
ASEAN GAP คืออะไร?
ASEAN GAP คืออะไร?
ASEAN GAP คือมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีที่ตั้งขึ้นเพื่อยกระดับผลผลิตผักสดและผลไม้ให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันภายในบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียนและยังใช้เป็นมาตรฐานการค้าภายในภูมิภาคและระหว่างภูมิภาคอื่นๆ อีกด้วย มาตรฐาน ASEAN GAP มีสาระสำคัญครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่
• ความปลอดภัยของผลผลิต
• การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
• สุขภาพ ความปลอดภัย และสวัสดิการของแรงงาน
• คุณภาพของผลผลิต
โครงการได้สนับสนุนให้กรมปลูกฝัง สปป. ลาว
1. จัดตั้งโครงสร้างและการบริหารงานของหน่วยตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานลาวจีเอพี อ้างอิงตามมาตรฐานสากล ISO/IEC17065ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจประเมินและให้การรับรองผลผลิตว่าเป็นไปตามมาตรฐานลาว จีเอพี
2. จัดทำมาตรฐานและคู่มือปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีแห่งชาติ สปป. ลาว (Lao GAP) สำหรับผักสดและผลไม้ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน ASEAN GAP ซึ่งมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการโดยกรมปลูกฝัง ตั้งแต่ พ.ศ.2556
3. พัฒนาบุคลากร ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้ ความสามารถ และฝึกฝนให้มีทักษะและความชำนาญเพียงพอสำหรับการเป็นผู้ตรวจประเมินและให้การรับรองตามมาตรฐานลาวจีเอพี ปัจจุบันมีผู้ตรวจประเมิน (inspector/auditor) ที่ผ่านการอบรมและสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสมบูรณ์แล้ว 15 คน
4. จัดตั้งโครงสร้างการบริการและเผยแพร่ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานลาวจีเอพี เพื่อช่วยเหลือแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยในการเข้าถึงระบบตรวจประเมินและรับรอง ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครเพื่อขอใบรับรอง การส่งเสริมการปฎิบัติตามมาตรฐานลาวจีเอพีในฟาร์ม ระเบียบขั้นตอนการตรวจประเมินและการให้การรับรอง ตลอดจนการนำตราสัญลักษณ์ลาวจีเอพีไปใช้กับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง เพื่อการค้าและการส่งออก
วัตถุประสงค์โครงการ
“โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีใน สปป. ลาว” มีเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้แก่เกษตกร และผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจผักสดและผลไม้และตอบสนองความต้องการของตลาด ผ่านการสร้างระบบรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเต็มรูปแบบ
ผลลัพธ์โครงการกว่าสองปีในการพัฒนาระบบมาตรฐานลาวจีเอพี ร่วมกับกรมปลูกฝัง เจ้าหน้าที่ ผู้ตรวจประเมิน และหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องปัจจุบัน สปป. ลาว มีความพร้อมในการตรวจประเมินและรับรอง และมีเกษตรกรนำร่อง 2 กลุ่มและ 1 ฟาร์มเดี่ยวที่ได้รับการรับรองแล้ว ทำให้เริ่มมีผลผลิตผักผลไม้สดที่ได้รับการรับรองออกสู่ตลาด และยังมีเกษตรกรอีก 10 กลุ่ม (200 ราย โดยประมาณ) ที่สมัครใจ
เข้าร่วมเป็นกลุ่มเกษตรกรนำร่องเพื่อปฏิบัติตามแนวทางมาตรฐานลาวจีเอพี และกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจประเมินและขอการรับรองโดยรัฐบาลลาวแสดงเจตจำนงค์ชัดเจนในการจะยกระดับการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานลาวจีเอพี ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการตรวจรับรองอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีแผนที่จะเผยแพร่ลาวจีเอพี ให้เป็นที่รู้จักของเกษตรกร ผู้สนใจ และผู้บริโภคในวงกว้างต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติม
วิดีโอแนะนำโครงการ https://www.youtube.comwatch?v=dwYYYLT97o4
การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อประชาสัมพันธ์ผลผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและเครื่องหมายลาวจีเอพี
ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 กรมปลูกฝัง สปป. ลาว ร่วมกับสพร. และ GIZ จัดประชุมเพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผักผลไม้ที่ได้มาตรฐานลาวจีเอพี ที่โรงแรมรัชมี เดอะพลาซ่า นครหลวงเวียงจันทน์ ใน สปป. ลาว ให้แก่ผู้กำหนดนโยบาย หน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการที่สนใจซื้อขายผลผลิตลาวจีเอพี โดยมีการนำเสนอและวิเคราะห์ข้อมูลด้านสถานการณ์และกำลังการผลิต ความพร้อมในการตรวจประเมินและรับรองตามมาตรฐาน รวมถึงข้อแนะนำเชิงวิชาการด้านธุรกิจ การส่งเสริมการตลาด รวมถึงนโยบายการค้าและการลงทุนใน สปป. ลาวการประชุมครั้งนี้ยังอำนวยให้เกิดการเจรจาธุรกิจเกี่ยวกับผลผลิตลาวจีเอพี ระหว่างผู้ผลิต
ลาว จีเอพี สะอาด ปลอดภัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเตรียมพร้อมเข้าสู่เออีซี
ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้สปป. ลาว ร่วมกับ ไจก้า สพร. และ GIZ จัดงานแสดงผลผลิตผักและผลไม้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานลาวจีเอพี ที่ศูนย์ประชุมและแปลงสาธิตลาวจีเอพี ศูนย์พัฒนากสิกรรมสะอาดแขวงเวียงจันทน์ เพื่อเปิดตัวมาตรฐานและผลผลิตลาวจีเอพีอย่างเป็นทางการ โดยมีท่าน ดร. เพ็ด พมพิพัก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป. ลาว และท่าน ดร. บุนทะวีสีสุพานทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแผนการและการลงทุนเป็นประธาน และมีสักขีพยานร่วมงานกว่า 200 คนรองผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศประเทศไทย (สพร.) และผู้อำนวยการองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมันประจำประเทศไทย (GIZ) ร่วมงานแสดงผลผลิตผกและผลไม้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานลาวจีเอพีท่าน ดร. เพ็ด พมพิพัก เป็นประธานตัดริบบิ้นเปิดงาน
จากการจัดงานในครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นความพร้อมของผู้ประกอบการลาวในการที่จะขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มผลผลิตลาวจีเอพีสู่ตลาดภายในและต่างประเทศ รวมถึงการเปิดรับการเป็นพันธมิตรกับผู้ร่วมทุนทั้งจากไทยและลาว สำหรับผู้ประกอบการไทยก็มองเห็นถึงความเป็นได้และสนใจอย่างมากที่จะดำเนินธุรกิจกับ สปป. ลาว ในรูปแบบของการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรลาว หรือการลงทุนร่วมไทย-ลาวภาครัฐเองก็แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนเชิงธุรกิจและนโยบายเพื่อให้เกิดการผลิตและซื้อขายผักและผลไม้ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานลาวจีเอพีในมากขึ้น จึงถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ทุกฝ่ายต่างก็ยินดีร่วมกันส่งเสริม ผลักดันและสนับสนุนให้มาตรฐานและผลผลิตลาวจีเอพี มีการพัฒนาและยกระดับให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
งานแสดงผลผลิตผักและผลไม้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานลาวจีเอพี
เราจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก ในยุคโลกาภิวัฒน์เพื่อเสริมสร้างขีดความแข่งขันและเดินไปในแนวหน้าร่วมกับประชาคมโลก….ความสำเร็จของโครงการ Lao GAP ภายใต้ความรวมมือไตรภาคีไทย-เยอรมัน-ลาว ได้สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพ ความมุ่งมั่น และความร่วมมือของภาคีทุกฝ่ายในการผลักดันเป้าหมายสู่การปฏิบัติที่มีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเสริม spirit แห่ง ASEANตาม motto ที่ว่า “One Vision, One Identity,One Community”-นางสาวอังสนา สีหพิทักษ์รองผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.)
ข้อดีของการมีมาตรฐานลาวจีเอพี คือ
1. แรงงาน มีสุขภาพดีขึ้น ปลอดภัย เพราะไม่ได้รับสารเคมี
2. สภาพแวดล้อมดี ไม่มีสารตกค้างสัตว์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็ไม่ได้รับผลกระทบ
3. พืชผล ได้น้ำหนักดี
ท่านสมหวัง อินทะวง ประธานสมาคมกสิกรรมโพนฮงในงานมีพิธีมอบใบรับรองมาตรฐานลาวจีเอพี 3 ใบแรก ให้แก่เกษตรกรและผู้ผลิตรุ่นที่ 1 โดยอธิบดีกรมปลูกฝัง สปป. ลาว มีการจัดนิทรรศการและวางจำหน่ายผลผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานลาวจีเอพี อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไปได้เดินเยี่ยมชมและจับจ่าย นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการปฏิบัติตามมาตรฐานลาวจีเอพีในแปลงเพาะปลูก ผ่านเวทีเสวนา “ประสบการณ์จากฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานลาวจีเอพี”โดยตัวแทนกลุ่มเกษตรกร ผู้แทนจากกรมปลูกฝังและศูนย์กสิกรรมสะอาด สปป. ลาว และกรมวิชาการเกษตร ประเทศไทย และยังมีการให้ข้อเสนอแนะและคำแนะนำทางวิชาการเกี่ยวกับการสมัครขอรับการรับรองมาตรฐานลาวจีเอพี การตรวจประเมิน และการปฏิบัติในฟาร์มพร้อมการสาธิตการตรวจประเมินตามมาตรฐานลาวจีเอพีที่ฟาร์มนำร่อง โดยตัวแทนเกษตรกร พี่เลี้ยงเกษตรกร และผู้ตรวจประเมินให้แก่กลุ่มเกษตรกรที่สนใจขอรับการรับรอง และผู้สนใจกว่า 100 ราย ทำให้กลุ่มเกษตรกรและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีความตื่นตัวเป็นอย่างมากที่ได้รับรู้ข้อมูลและแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานลาวจีเอพี นอกจากนี้ยังเห็นถึงความเอาใจใส่และความพร้อมของภาคเกษตรกรในการที่จะสนองตามนโยบายในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของ สปป. ลาว ที่มุ่งให้เกิดผลประโยชน์ต่อทั้งภาคเกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยทั่วกัน
การสนับสนุนด้านการวางแผนยุทธศาสตร์และแผนธุรกิจแก่สหกรณ์ในชนบทของเวียดนาม
โครงการเสริมสร้างการบริหารระบบสหกรณ์และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคกลางของเวียดนามภายใต้โครงการความร่วมมือไตรภาคีไทย-เยอรมัน ให้การสนับสนุนสหกรณ์นำร่อง12 แห่งในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนธุรกิจระหว่างเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา การจัดการฝึกอบรมและการประชุมเชิงปฏิบัติกาแบบมีส่วนร่วมให้แก่สหกรณ์นำร่องในชนบทในเขตภาคกลางของเวียดนามนี้ มีกรมส่งเสริมสหกรณ์ของประเทศไทยและ GIZ เป็นผู้สนับสนุนทางวิชาการ กิจกรรมโครงการมุ่งเสริมสร้างการบริหารจัดการสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งโดยการวิเคราะห์และวางแผนอย่างเป็นระบบและมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่บริหาร สมาชิกสหกรณ์และเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์จาก VCA และ PCA ผู้เชี่ยวชาญไทยที่มีประสบการณ์ยาวนานจากกรมส่งเสริมสหกรณ์อีก 2 คน และเจ้าหน้าที่จากสหกรณ์ 4 แห่งจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในเดือนพฤษภาคม 2557 หลังจากนั้นตลอดเดือนมิถุนายน 2557 คณะทำงานจะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการให้แก่สหกรณ์นำร่องที่เหลือ โดยนำบทเรียนที่ได้จากการร่วมทำกิจกรรมกับผู้เชี่ยวชาญไทยมาใช้ เพื่อให้ท้ายที่สุด สหกรณ์นำร่อง12 แห่งได้รับการสนับสนุนวิชาการด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบ ซึ่งนับเป็นเรื่องใหม่สำหรับทั้งสหกรณ์และเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ด้วย ขณะนี้สหกรณ์นำร่องทั้งหมดได้วิเคราะห์ผลประกอบการอย่างละเอียด จัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนกิจกรรมสำหรับภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการภายในปีหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขั้นต่อไปสหกรณ์นำร่องจะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ของ VCA และ PCAคอยติดตามและช่วยเหลือ ทั้งนี้โครงการจะให้การสนับสนุนต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2558สหกรณ์นำร่องที่ร่วมโครงการมาจากจังหวัดที่คัดเลือกไว้ 4 จังหวัดคือ ถัวเทียนเว้ กวงนัม กวงไหง และฟูเย็น ในแต่ละจังหวัดมีสหกรณ์นำร่อง 3 แห่งซึ่งมีผลประกอบการและขนาดต่างกัน และมีทั้งภาคเกษตรและภาคอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาคเกษตร ผลประกอบการของสหกรณ์บางแห่งมีความก้าวหน้ามากและมีเป้าหมายที่จะส่งสินค้าออกไปจำหน่ายยังประเทศในสหภาพยุโรปและตลาดใหม่ๆ ส่วนสหกรณ์การเกษตรต้องการพัฒนาด้านการบริการและธุรกิจให้แก่สมาชิกการขยายธุรกิจใหม่และการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ นอกจากนั้นยังมีกลุ่มชาวบ้านที่ยังไม่ได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นรูปแบบสหกรณ์ดังนั้นเป้าหมายของกลุ่มนี้คือการพัฒนาองค์กร ผลิตภัณฑ์และการจดทะเบียนสหกรณ์เพื่อให้มีชื่อการค้าเป็นของตัวเองและเข้าถึงสินเชื่อได้ต่อไปกิจกรรมโครงการนอกจากจะช่วยเสริมสร้างเจ้าหน้าที่บริหารสหกรณ์ให้สามารถประเมินผลประกอบการอย่างมีกลยุทธ์และพัฒนาการวางแผนการดำเนินการแล้วยังส่งเสริมให้ VCA และPCA ได้เรียนรู้วิธีวิเคราะห์ วางแผน และสนับสนุน รวมทั้งติดตามประเมินผล ทั้งนี้ทักษะและวิธีการดังกล่าวสามารถนำไปใช้กับสหกรณ์อื่นๆ นอกเหนือจากสหกรณ์นำร่องของโครงการและขยายผลออกไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้ต่อไปโครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินงานจากสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รวมทั้งยังได้รับทุนสนับสนุนบางส่วนจาก VCA ภาคกลางด้วย
รู้หรือไม่ ?
• เขตที่ราบสูงตะวันตกและภาคกลางของเวียดนามมีทั้งสิ้น 19 จังหวัด
• ภูมิภาคนี้มีประชากรร้อยละ 35.3 และมูลค่า GDPของภูมิภาคนี้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของมูลค่า GDP รวม
แต่มีอัตราการเจริญเติบโตที่ตำกว่าภูมิภาคอื่นๆ(อัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 13)และมีรายได้ต่อหัวของประชากรต่ำมาก
• ภูมิภาคนี้มีอัตราความยากจนสูง ส่วนใหญ่ประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรอยู่ในชนบทห่างไกล และพวกชนเผ่าในเขตภาคกลางและเขตเทือกเขา
• ภูมิภาคนี้มีสหกรณ์และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) อยู่ราว 5,350 แห่งขั้นแรกเราต้องเสริมสร้างศักยภาพให้สหกรณ์ทำให้พวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของงานที่เขาทำอยู่จากนั้นสนับสนุนให้เขาเข้าใจสถานภาพปัจจุบันอย่างถ่องแท้เพื่อให้เกิดการพัฒนางานที่ทำได้จริงและมีขั้นตอนที่เหมาะสม
ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ของ VCA และ PCA เข้าใจกระบวนการนี้ดีและสามารถเป็นผู้ดำเนินการประชุมให้กับสหกรณ์อื่นๆ ต่อไปได้-นายดุสิต ทองทา (ผู้อำนวยการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ที่ 5 กรมส่งเสริมสหกรณ์)กิจกรรมของโครงการและรูปแบบสหกรณ์สหกรณ์ และ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในเขตภาคกลางของเวียดนามยังมีข้อจำกัดเรื่องแนวทางและการบริหารจัดการธุรกิจ (เช่น ระบบตลาด ทักษะในการออกแบบผลิตภัณฑ์ ศักยภาพการบริหารจัดการแนวทางและหลักการจัดการธุรกิจสหกรณ์ เทคโนโลยีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แรงงานฝีมือและการควบคุมคุณภาพ) ซึ่งทำให้สหกรณ์ดำเนินการได้ไม่เต็มที่ ไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่สมาชิกได้อย่างพอเพียง โดยเฉพาะเมื่อสภาพการแข่งขันทางธุรกิจเปลี่ยนไปมีการลงทุนทางธุรกิจ โดยภาคเอกชนในภูมิภาคมากขึ้น โครงการจึงมุ่งพัฒนาการบริการและสนับสนุนการวางโครงสร้างให้แก่สหกรณ์และ SMEs ในภูมิภาคนี้โดยการพัฒนาศักยภาพให้แก่สมาพันธ์สหกรณ์เวียดนามประจำภูมิภาค (VCA) สมาพันธ์สหกรณ์ประจำจังหวัด (PCA)และสหกรณ์ / SMEs นำร่องในจังหวัดที่คัดเลือกไว้ เพื่อพัฒนาการบริการและสนับสนุนโครงสร้างให้สอดคล้องกับความต้องการของบริบทในปัจจุบัน ต้นแบบสหกรณ์นำร่องซึ่ง VCAและ PCA สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และสาธิตเพื่อขยายผลในอนาคตจึงเป็นผลลัพธ์สำคัญโครงการคาดว่าจะได้รับ โดยในขั้นแรกจะทำำการวิเคราะห์ผลประกอบการและวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อค้นหาปัญหาวิสัยทัศน์และเป้าหมายของสหกรณ์นำร่องก่อนที่จะให้การสนับสนุนด้วยกิจกรรมที่ขับเคลื่อนอุปสงค์ต่อไปทีแรกพวกเรากลัวมากที่จะต้องเข้าร่วมกระบวนการนี้ กลัวจนเกือบจะร้องไห้เพราะเราเรียนมีน้อย และเราก็ไม่รู้ว่าจะวางแผนยุทธศาสตร์อย่างไรแต่ 3 วันให้หลัง เรารู้สึกว่าอันที่จริงก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่ต้องคิดไปทีละขั้นแล้วก็รู้ว่า เรายังขาดอะไรอยู่คำแนะนำที่ได้จากผู้เชี่ยวชาญไทยVCA และ PCA ช่วยได้มากตอนนี้เรามีแรงบันดาลใจที่จะรวมตัวกันจัดตั้งสหกรณ์และพัฒนาผลประกอบการให้ดียิ่งขึ้น-กลุ่มสตรีบินฮ์ อันฮ์ หนึ่งในกลุ่มนำร่องซึ่งประกอบด้วยสตรีโสด หญิงม่ายและสตรีด้อยโอกาสซึงผลิตโครงเฟอร์นิเจอร์สาน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมีบริษัทท้องถิ่นมารับซื้อและจำหน่ายต่อให้อิเกียร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ของสวีเดน
นอกจากถ่ายทอดวิธีการซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเคยประสบความสำเร็จในประเทศไทยผมยังได้เรียนรู้อะไรมากมายจากประสบการณ์ในเวียดนาม มีแนวปฏิบัติดีๆเพื่อพัฒนาสหกรณ์ซึ่งเราสามารถแบ่งปันกันระหว่างทั้งสองประเทศได้ผมเห็นว่าคนเวียดนามมีศักยภาพสูงเพราะเขารู้ดีว่าเขาต้องการอะไร เราเพียงแค่มาช่วยชี้แนะกระบวนการใหม่ให้เขาสามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้นเท่านั้น-นายกำธร โป๊ะลำพงศ์ สหกรณ์จังหวัดนครนายก กรมส่งเสริมสหกรณ์
โครงการการบริหารจัดการลุ่มน้ำซอง และโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีใน สปป. ลาว
ภายใต้กรอบความร่วมมือไตรภาคี ลาว-ไทย-เยอรมัน ได้ดำเนินมาถึงช่วงสิ้นสุดโครงการ ในระยะเวลาสองปีของการดำเนินงาน(พ.ศ. 2555-2557) ได้ก่อเกิดผลสัมฤทธิ์ที่น่าสนใจหลายประการรวมถึงแนวปฏิบัติที่ดีต่างๆ ซึ่งจะสามารถต่อยอดและขยายผลเพื่อการพัฒนาในพื้นที่อื่นๆ ของ สปป. ลาว และในภูมิภาคได้ดังนั้น กรมทรัพยารน้ำ และกรมวิชาการเกษตร แห่ง สปป. ลาวจึงได้ร่วมมือกับ สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) และ GIZ จัดกิจกรรมำณะสื่อมวลชนไทย-ลาวเยี่ยมชม และลงพื้นที่โครงการฯ ใน สปป. ลาว ระหว่างวันที่25-31 พฤษภาคม 2557
กิจกรรมโดยสังเขป มีดังต่อไปนี้
กิจกรรมคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการการบริหารจัดการลุ่มน้ำอง และโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีใน สปป. ลาว
โครงการการบริหารจัดการลุ่มนน้ำซอง
• ล่องเรือชมสภาพแม่นน้้ำซองในเมืองวังเวียงลาวจีเอพี – อีกก้าวของการพัฒนามาตรฐานสำหรับสินค้าเกษตร ใน สปป. ลาว