รายงานการศึกษาเรื่อง “แผนแม่บทด้านพลังงานของเมือง Ulaanbatar” ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ประเทศมองโกเลีย โดยในการประชุม มีผู้มีส่วนได้เสียประมาณ 50 คนจากหน่วยงานภาครัฐเมือง Ulaanbatar สถาบันพลังงานแห่งชาติและท้องถิ่น สถาบันสาธารณูปโภคด้านวิศวกรรม องค์กรระหว่างประเทศ สถาบันทางการเงินและภาคเอกชนเข้าร่วม
การศึกษา ถูกจัดทำขึ้นโดยสถาบัน Fraunhofer สำหรับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (ISE) ในเมือง Freiburg ประเทศเยอรมนี โดยการประชุมเชิงปฏิบัตินี้นำเสนอวัตถุประสงค์ ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับ และผลการวิจัยที่เกิดขึ้นจริงในเดือนพฤษภาคมและกันยายน 2560 ซึ่งเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับสถานการณ์จริงในเรื่องความต้องการใช้พลังงาน บทบัญญัติและ การกระจายความร้อนและไฟฟ้า นอกจากนี้ยังระบุแหล่งพลังงานทดแทนที่พร้อมใช้งาน รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็นไปได้และขั้นตอนการจัดตั้งแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ตลอดจนการประเมินแหล่งพลังงานทดแทนและข้อเสนอแนะอื่นๆ
T.Gantumur ผู้จัดการทั่วไปของเมือง Ulaanbatar กล่าวในการประชุมว่า เมือง Ulaanbatar ได้รวมการศึกษาแผนแม่บทด้านพลังงานเข้ากับแผนปฏิบัติการของเมือง Ulaanbatar ปีพ.ศ. 2561 การศึกษานี้เหมาะกับ “โครงการระดับชาติเรื่องการลดมลพิษทางอากาศและสิ่งแวดล้อม” ที่ถูกนำมาปรับใช้โดยรัฐบาลมองโกเลีย เมื่อเดือนมีนาคมปีพ. ศ. 2560 และเหมาะกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของเมือง Ulaanbatar ในปัจจุบัน ที่จะต้องสู้รบกับมลพิษทางอากาศ ยกตัวอย่างเช่น การศึกษานี้สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างเรื่องการดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม การลดขั้นตอนการห้ามใช้ถ่านหินดิบโดยใช้เทคโนโลยีพลังงานทดแทนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทน นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่า โครงการการใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพที่ร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) จะดำเนินการในเร็วๆ นี้
“เมือง Ulaanbatar ส่วนใหญ่มักจะพึ่งพาการจัดหาพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลและเผชิญกับความท้าทายในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานในปัจจุบัน เนื่องจากราคาถ่านหินมีราคาถูก ประชากรมีรายได้ต่ำ ประชากรมีความรู้ความเข้าใจทางเทคนิคที่ไม่เพียงพอ และสัดส่วนของโครงสร้างที่อยู่อาศัยที่ไม่ถูกแจ้งอย่างเป็นทางการมีค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม มันจะไม่มีทางเลือกอื่น หากเรามีจุดมุ่งหมายที่จะแก้ไขผลกระทบที่ยิ่งใหญ่และชัดเจนเช่นนี้” ดร. Christian Glass รองเลขาธิการของสถานเอกอัครราชฑูตเยอรมนีกล่าว นอกจากนี้เขายังเน้นย้ำว่า “การศึกษาจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการระบุแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้และเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาแบบบูรณาการและความพยายามร่วมกันผ่านการมีส่วนร่วมขององค์กรผู้สนับสนุนเงินทุนระหว่างประเทศ”
Gerhard Stryi-Hipp หัวหน้ากลุ่มวิจัยที่สถาบัน Fraunhofer (ISE) ได้นำเสนอรายงานรวมถึงภาพรวมเกี่ยวกับความต้องการด้านพลังงานในปัจจุบันและอนาคตและข้อสมมติฐานด้านพลังงานจนถึงปีพ. ศ. 2593 โครงสร้างระบบพลังงานทั่วไป และแหล่งพลังงานทดแทนที่มีอยู่ทั่วเมือง Ulaanbatar นอกจากนี้เขายังได้ให้คำแนะนำเบื้องต้นในการจัดตั้งระบบพลังงานแบบยั่งยืนโดยอาศัยแหล่งพลังงานทดแทนเป็นส่วนใหญ่ นอกเหนือจากความเป็นไปได้ที่จะใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในเมือง Ulaanbatar แล้ว เขายังเน้นย้ำว่าพลังงานทดแทนทั้งสองชนิดนี้ ไม่ได้ช่วยเติมเต็มกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำเสนอแนวทางแก้ไขด้านเทคนิคอื่นๆ เพิ่มเติม
ด้าน Stryi-Hipp แนะนำให้มีการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ ในเขตเมืองและบนหลังคาอาคาร อีกมาตรการหนึ่งที่จะต้องดำเนินการ คือ ฉนวนกันความร้อนของอาคารที่มีอยู่ในเขตเมืองหลวงและในส่วนที่เป็นเขตเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารใหม่ควรถูกสร้างขึ้นเพื่อลดการใช้พลังงานและความร้อน ซึ่งมาตรฐานที่มีอยู่เกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอาคารอาจต้องได้รับการปรับแก้เช่นกัน การศึกษา “แผนแม่บทด้านพลังงานของเมือง Ulaanbatar ” เวอร์ชั่นท้ายที่สุด จะมีข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมทั้งเรื่องการประมาณการค่าใช้จ่าย ซึ่งจะแล้วเสร็จและเป็นฉบับสมบูรณ์ภายในเดือนพฤษภาคม 2561 นี้
การศึกษา “แผนแม่บทด้านพลังงานของเมือง Ulaanbatar ” ถูกจัดทำขึ้นในกรอบการทำงานของโครงการบริหารทรัพยากรแบบบูรณาการของเมืองในเอเซีย (Urban Nexus) ของ GIZ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) และดำเนินการร่วมกับเมือง Ulaanbatar