มีหลายโครงการในภาคเกษตรที่ดำเนินการในเวียดนาม เบรีย เป็นหน่วยการคิดริเริ่มของภาครัฐและเอกชนที่จะปรับปรุงชีวิต ความเป็นอยู่ของเกษตรกร คุณภาพข้าว และห่วงโซ่มูลค่า ใน สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และพยายามสร้างความเข้มแข็งในการ ทำงานร่วมกันระหว่างเกษตรกร สหกรณ์ กับโรงสีหรือผู้ค้าข้าว เนื่องจากชาวนาจะมีกำไรมากขึ้น หากมีการขายข้าวโดยตรงให้กับ โรงสีหรือผู้ค้าข้าว
ร้อยละ 70 ของประชากรในดงทับ ซึ่งเป็นจังหวัดหลักที่ผลิตข้าวใน เวียดนามทำการเกษตรกรรม ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร รายย่อยที่ปลูกข้าวโดยใช้แรงงานครอบครัว และมีการใช้เครื่องจักร กลทางการเกษตรเนื่องจากแรงงานที่มีอยู่ไม่เพียงพอ และเกษตรกร จะขายข้าวทันทีหลังการเก็บเกี่ยว
บริษัท ฮวาง ลาง จอยท์ สต๊อค ในจังหวัดดงทับ เข้าร่วมโครงการ เบรีย ที่เป็นความร่วมมือภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership หรือ PPP) โดยมีโรงงานตั้งอยู่ริมแม่น้ำติน บนพื้นที่ 14,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่เก็บข้าวขนาด 1,000 ตารางเมตร ด้วยกำลังการผลิตโรงสีข้าว 300 ตันต่อวัน
นาย โฮ วินห์ ถาน รองผู้อำนวยการบริษัท ฮวาง ลาง จอยท์ สต๊อค กล่าวว่า ในการส่งออกข้าวในเวียดนาม ผู้ประกอบการจะต้องมี กำลังการผลิตข้าว 15 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล มีพื้นที่เก็บข้าวขนาดความจุ 5,000 ตัน และมีหนังสือรับรองการ ส่งออก ตลอดจนต้องมีการสร้างความร่วมมือกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ครอบคลุมพื้นที่ 500 เฮกเตอร์ เพื่อจัดส่งวัตถุดิบ
บริษัทได้รับวัตถุดิบจากเมืองเกิ่นเทอ และบางส่วนจากดงทับ และ ขนส่งข้าวไปยังโรงสีในดงทับ บริษัทส่งออกข้าวสารและปลายข้าว ไปยังประเทศฟิลิปปินส์ จีน อินโดนีเซีย และแอฟริกา และเนื่องจาก คุณภาพของข้าวยังไม่สูงมากนัก บริษัทจึงยังไม่ได้รับการรับรองตาม มาตรฐานสากลหรือการผลิตที่ดี (Good Manufacturing Practices หรือ GMP) แต่ก็มีแผนจะได้รับการรับรองในอนาคต
นาย ถาน อธิบายถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการเบรียว่า บริษัทไม่จำเป็นต้องหาหรือจัดกลุ่มเกษตรกรหรือสร้างความร่วมมือ กับสหกรณ์เกษตรกร เนื่องจากโรงงานสีข้าวได้แหล่งจัดหาข้าวเปลือก ที่มีคุณภาพใหม่จากเกษตรกรที่เข้าร่วมในโครงการฯ ทำให้เกษตรกร ในโครงการฯ ได้รับคำแนะนำทางด้านเทคนิค ไปพร้อมๆ กับการ ได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพและผ่านการรับรอง จนขณะนี้ บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อข้าวกับสหกรณ์เกษตรกรแล้ว
“เบรีย ช่วยสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบเพื่อการส่งออก เราลงนาม ในสัญญาจัดซื้อข้าว 1,200 ตัน ในปี 2558 และ 2559 ครอบคลุม พื้นที่ปลูกข้าว 200 เฮกเตอร์ โครงการนี้ทำให้เกษตรกรหันมาใช้ เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพและผ่านการรับรอง เรามั่นใจได้ว่าข้าว จะมีคุณภาพสูงขึ้น” นายถาน เปิดเผย
เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดด้านคุณภาพ บริษัทจะขอ การรับรองมาตรฐาน ISO หรือมาตรฐาน GMP โดยเกษตรกร เบรียต้องปลูกข้าวที่มีมาตรฐานสูง เพื่อให้ได้การรับรองระบบของ บริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะสนับสนุนให้เกษตรกร ภายใต้โครงการฯ หันมาปลูกข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นข้าวชนิดที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย
โครงการฯ มีส่วนช่วยให้เกิดความเข้มแข็งของผู้มีส่วนได้เสียใน ห่วงโซ่มูลค่าข้าว โดยดำเนินงานร่วมกันกับกรมเกษตรและการ พัฒนาชนบทในท้องถิ่น ภายใต้โครงการนี้เกษตรกรจะปลูกข้าวให้ได้ ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดีเพื่อสนองต่อความต้องการของโรงสีหรือ ผู้ค้าข้าวตามสัญญาที่ลงนามกันไว้ นอกจากนี้โครงการฯ ยังจัดการ ฝึกอบรมด้านเทคนิคให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ด้านการ ผลิตในนาข้าวขนาดใหญ่ (Large Scale Rice Field หรือ LSRF) เพื่อให้โรงสีหรือผู้ค้า สามารถรับซื้อข้าวทั้งหมดที่ผลิตตามข้อกำหนด อันจะก่อให้เกิดความมั่นคงของตลาดข้าวในประเทศและรายได้ ของเกษตรกรก็จะดีขึ้น
ด้านการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน โครงการฯ จะสนับสนุน ด้านเทคนิคสำหรับเกษตรกร สหกรณ์ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค นอกจากนี้ โครงการฯ จะพยายามปรับปรุง ระบบการรับรองเกี่ยวกับคุณภาพข้าวและ/หรือการทำการเกษตร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ค้า