เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และสถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CUTI) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ในภาคการขนส่งเพื่ออากาศสะอาดกับคนรุ่นใหม่ ภายใต้หัวข้อ “การขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนตํ่าด้วยนโยบายคมนาคม” ณ ศูนย์กลางนวัตกรรมทางสังคมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU SiHub) ชั้น 1 อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ดร. ลักษณวดี ธนามี ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศการขนส่งและจราจร และดร. โดมินิก้า คาลินโนวสก้า ผู้อำนวยการโครงการภาคการคมนาคมขนส่ง GIZ ประจำประเทศไทย/อาเซียน ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรม
ตลอดกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 และ 7 กรกฎาคม ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับวิทยากรและผู้เข้าร่วมงานท่านอื่นๆ เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้พื้นที่การจราจรหนาแน่น (Congestion Charge) อาทิ Dirk Van Amelsfort วิทยากรผู้มีประสบการณ์ในการออกแบบนโยบายการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ถนนในหลายเมืองทั่วโลก เพื่อให้นิสิตนักศึกษาได้เข้าใจมุมมองการวางแผน และปัจจัยทั้งด้านเทคนิคและการสื่อสารเพื่อนำไปสู่การประกาศใช้นโยบายในต่างประเทศได้สำเร็จ อีกทั้งสามารถนำแนวทางต่างๆ ไปปรับใช้ให้เข้ากับประเทศไทยได้อีกด้วย
ระหว่างการทำกิจกรรม ผู้เข้าร่วมได้ถูกแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กลุ่ม และได้รับมอบหมายให้ช่วยกันคิดและแก้ไขโจทย์จากสถานการณ์จำลองของโซนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในพื้นที่ตัวอย่างของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น และร่วมกันค้นหาวิธีการที่นำไปปฏิบัติใช้จริง โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนถึงข้อดีข้อเสีย และวิธีการสื่อสารสู่สาธารณะได้อย่างเหมาะสม โดยทุกกลุ่มจะได้มีโอกาสนำเสนอความคิดและมาตรการที่หลากหลายจากแบบจำลองของโจทย์พื้นที่ที่ได้รับ เช่น การลดหย่อนการเก็บค่าธรรมเนียมกับกลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มเปราะบาง (เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ) ที่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา การเพิ่มประสิทธิภาพของขนส่งสาธารณะและการนำเงินจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้พื้นที่การจราจรหนาแน่นไปปรับปรุงเพื่อรองรับการใช้งานของประชาชน การจำกัดประเภทยานพาหนะและช่วงเวลาในการเข้าพื้นที่ด้วยราคาค่าธรรมเนียมที่ต่างกัน การจัดทำแอปพลิเคชันคำนวนค่าเดินทางกรณีขับรถเข้ามาในเมือง และอีกหลากหลายวิธีการที่น่าสนใจ
ภายหลังจากการนำเสนอ ผู้เข้าร่วมงานยังได้ช่วยกันโหวตเพื่อหากลุ่มที่แก้ไขโจทย์และนำเสนอมาตรการออกมาได้ดีที่สุด และได้รับฟังแนวคิดจากคณาจารย์และวิทยากรเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน ตลอดจนร่วมกันหาบทสรุปของแนวคิดต่างๆ ที่ได้จากงานนี้เพื่อไปต่อยอดในการดำเนินโครงการศึกษาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้พื้นที่การจราจรหนาแน่นให้เกิดเป็นรูปธรรมในอนาคต
ดร. ลักษณวดี ธนามี รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ และผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศการขนส่งและจราจร สนข. กล่าวว่า “การกำหนดพื้นที่ อัตราการเก็บค่าธรรมเนียม และความแตกต่างของอัตราค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกรุงเทพฯ ยังเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม ทั้งเรื่องเชิงเทคนิคในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม โซนและขนาดของพื้นที่ที่เหมาะสม การออกแบบโครงสร้างบริหารจัดการ กรอบกฎหมาย ความเท่าเทียมการจัดเก็บค่าธรรมเนียมกับบุคคลรายได้น้อยและผู้ที่มีความเปราะบางทางสังคม การนำเงินที่ได้จากค่าธรรมเนียมไปใช้พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ทางเดินเท้า และการสนับสนุนค่าตั๋ว รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์สื่อสารและประชาสัมพันธ์สู่สาธารณะ ดังนั้น การจัดกิจกรรม ในครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ จากคนรุ่นใหม่ ซึ่งกระบวนการนี้จะเป็นก้าวแรกในการดำเนินการร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการยอมรับทั้งในระดับนโยบาย และภาคประชาชน ผลลัพธ์ที่จะได้จาก Workshop ครั้งนี้จึงเป็นส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาการจราจรในกรุงเทพฯ อย่างยั่งยืนในอนาคต”
ดร. โดมินิก้า คาลินโนวสก้า ผู้อำนวยการโครงการภาคการคมนาคมขนส่ง GIZ ประจำประเทศไทย/อาเซียน กล่าวว่า “ปัจจุบันยังมีคำถามเกิดขึ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมาจากนักออกแบบนโยบายเอง หรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ เกี่ยวกับมาตรการที่ออกมา เพราะหลายครั้งมาตรการก็มักสร้างผลกระทบในแง่ลบกับคนบางกลุ่ม ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่อาจที่จะมองข้ามกลุ่มคนที่เสียประโยชน์ เราควรให้ความเท่าเทียมและเสมอภาค และที่สำคัญที่สุด คือ การไม่ทิ้งใครคนใดคนหนึ่งไว้ข้างหลังในวันที่เราต้องเดินไปข้างหน้า”
“การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) คือ ก้าวแรกของการเดินไปข้างหน้าผ่านการร่วมมือซึ่งกันและกัน เพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขและพัฒนาวิสัยทัศน์ร่วมกัน ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตที่ยั่งยืนของระบบการคมนาคมขนส่งของพวกเราทุกคน อย่างไรก็ดีการสร้างวิสัยทัศน์ที่ดีและการค้นหาวิธีแก้ปัญหาว่าจะนำไปใช้อย่างไร และจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเราร่วมมือกัน โดยเฉพาะกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตไปเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญในอนาคต ทุกคนล้วนแต่มีส่วนสำคัญในการพัฒนามาตรการ ผ่านความคิดสร้างสรรค์ การมีส่วนร่วม และความสนุกผ่านการเรียนรู้ ผ่านการทดลองและแลกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งกันและกัน และสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงคือ ส่วนผสมที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันของระบบการคมนาคมที่ยั่งยืนและครอบคลุมกับคนทุกกลุ่ม และที่สำคัญที่สุด งานครั้งนี้จะออกมาสำเร็จก็ต่อเมื่อเราได้นำวิสัยทัศน์นี้ไปสู่การปฏิบัติได้จริง” ดร. โดมินิก้า กล่าวเสริม
กิจกรรมนี้ ถูกดำเนินการภายใต้โครงการ “ภาคการขนส่งเพื่ออากาศสะอาด (Thailand Clean Mobility Programme – TCMP)” ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาและดำเนินนโยบายด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น และช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศจากภาคการขนส่ง เพื่อให้เป็นไปตามเจตจำนงของรัฐบาลไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20 ภายในปี พ.ศ. 2573 โดยโครงการ TCMP ได้มุ่งเน้นการดำเนินงานใน 3 หัวข้อ ได้แก่
- การศึกษาโครงการการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้พื้นที่การจราจรหนาแน่น (Congestion Charge) ในกรุงเทพฯ
- การสนับสนุนการปรับปรุงคุณภาพรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
- การพัฒนากองทุนเพื่อการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนระดับประเทศ เพื่อให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ท้องถิ่นในการพัฒนาโครงการต่างๆ