กรุงเทพฯ / 18 พฤษภาคม 2565 – ผู้บริหารสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ร่วมกับผู้แทนองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) มุ่งทำงานแก้ปัญหาพลังงานเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานในประเทศไทยและช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่ความยั่งยืนและบรรลุเป้าหมายการปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพ
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงานกล่าวในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ โดยระบุว่า ประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon neutrality ภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งเป็นคำมั่นที่ ฯพณฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ในการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 เมื่อปีที่ผ่านมา และถือเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบาย รวมถึงโครงการต่างๆ ในด้านพลังงานของประเทศให้เดินหน้าบนทิศทางดังกล่าว
“สนพ. ในฐานะหน่วยงานจัดทำนโยบายและแผนพลังงานของประเทศไทย ต้องดำเนินการทบทวนและปรับปรุงนโยบายและแผนด้านพลังงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว รวมถึงการจัดทำแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ปัจจุบัน สนพ. อยู่ในระหว่างการจัดทำรายละเอียดของแผน ซึ่งได้มีการเปิดรับฟังความเห็นต่อกรอบแผนพลังงานชาติจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
การลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันระหว่าง สนพ. และ GIZ ถือเป็นก้าวสำคัญของการทำงานร่วมกันในนามโครงการพลังงานสะอาด เข้าถึงได้ และมั่นคง สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือโครงการ CASE ซึ่งมี GIZ ประเทศไทยเป็นผู้ประสานงานและดำเนินการร่วมกับ สนพ. โดยโครงการ CASE จะมุ่งสนับสนุนเชิงนโยบายต่อ สนพ. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทยเพื่อก้าวสู่ความมั่นคง ยั่งยืน และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593”
มร.ไรน์โฮลด์ เอลเกส ผู้อำนวยการองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำ ประเทศไทยและมาเลเซียกล่าวแสดงความยินดีต่อการลงนามบันทึกข้อตกลงในการทำงานร่วมกันระหว่างทั้งสองหน่วยงาน โดยระบุว่า ความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยสู่พลังงานสะอาดขึ้นอยู่กับพันธมิตรและความร่วมมืออันดีระหว่างทุกภาคส่วน
“สำหรับประเทศไทย GIZ เป็นผู้ดำเนินโครงการร่วมกับสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ERI) และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) โดยทั้ง 3 องค์กรมีความแข็งแกร่งและค่านิยมที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน อันจะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้โครงการประสบความสำเร็จ โดยมี สนพ. เป็นพันธมิตรจากภาครัฐประจำโครงการ นอกจากกิจกรรมระดับประเทศแล้ว ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากกิจกรรมระดับภูมิภาคของโครงการ โดยจะได้พิจารณาแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานในระดับภูมิภาค”
ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่าง 2 องค์กร สนพ. และโครงการ CASE-GIZ ประเทศไทยจะร่วมกันทำงานเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานในประเทศไทยและช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่ความยั่งยืนและบรรลุเป้าหมายการปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 5 ด้านได้แก่
- พัฒนาการศึกษาวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นด้านนโยบาย เศรษฐกิจสังคม และเรื่องเทคนิคในบริบทภาพกว้าง ตลอดจนประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านของภาคพลังงานในประเทศไทย
- สนับสนุนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการวางแผนพลังงานระยะยาวผ่านการวิเคราะห์ร่วมกันในประเด็นความท้าทายต่างๆ รวมถึงประสบการณ์จากต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
- จัดเตรียมการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
- ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการเปลี่ยนผ่านพลังงานทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
- สนับสนุนการจัดกิจกรรมและการศึกษาด้านวิชาการตามที่ สนพ. ร้องขอ โดยทาง GIZ จะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของกิจกรรมบนพื้นฐานข้อตกลงร่วมกัน
มร. ซิมง โรลองค์ ผู้อำนวยการ โครงการพลังงานสะอาด เข้าถึงได้และมั่นคง สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือโครงการ CASE กล่าวว่า พันธมิตรทั้ง 2 ฝ่าย คือ สนพ. และ GIZ จะมีการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลด้านเทคนิคและการจัดการที่จะเป็นประโยชน์และจำเป็นต่อความสำเร็จของโครงการร่วมกัน โดยการแบ่งปันข้อมูลนั้นจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานในภาพรวมและขัดต่อหลักปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงาน
“การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการทำงานร่วมกันภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ จะนำไปสู่การนำไปใช้วางแผนการทำงานในอนาคตให้สอดคล้องกับบริบทด้านพลังงานของประเทศไทย และเป็นประโยชน์ในการสนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนพลังงานชาติ ทั้งนี้ ข้อเสนอจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะถูกนำมาปรับปรุงในสมมติฐานและผลลัพธ์ของงานศึกษาต่อไป” มร. ซิมง กล่าวสรุป